ซึ่งปัจจัยที่ทำให้กราฟ Demand และ Supply Shift ไปก็จะมีดังนี้
- อัตราดอกเบี้ย : ถ้าอัตราดอกเบี้ยในต่างประเทศสูงกว่าในประเทศ เงินก็จะไหลออกต่างประเทศมากขึ้น (เพราะได้ผลตอบแทนดีกว่า) ส่วนคนต่างประเทศก็จะเอาเงินมาฝากในประเทศเราน้อยลง => Supply ก็จะมากขึ้น ส่วน Demand ลดลง => ทำให้ค่าเงิน ในประเทศอ่อน
- --ดอกเบี้ยของ US, EU, AU, ==??
- --จะมีการปรับขึ้นรึปรับลงใหมในระยะที่จะทำการเทรด
- ภาวะเงินเฟ้อ : ถ้าเงินในประเทศเฟ้อมากกว่าต่างประเทศ สินค้าที่ส่งออกของประเทศที่เงินเฟ้อสูงนั้นจะมีราคาแพง และการนำเข้าจะน่าดึงดูดใจมากกว่า ทำให้เงินไหลออกต่างประเทศมากขึ้น เงินเข้าประเทศน้อยลง => Supply ก็จะมากขึ้น ส่วน Demand ลดลง => ทำให้ค่าเงิน ในประเทศอ่อน
- --เงินเฟ้อของ US, EU, AU, ==??
- --ของถูก ของแพง ค่าเงินในประเทศเวลาซื้อของได้เหมือนเดิมใหม ดูที่ http://www.numbeo.com/
- รายได้ : ถ้ารายได้ของคนในประเทศพุ่งสูงขึ้นมากกว่าต่างประเทศ คนในประเทศก็จะมีการนำเข้าสินค้ามากขึ้น และคนต่างประเทศก็จะซื้อสินค้าจากประเทศเราน้อยลง ทำให้ เงินไหลออกต่างประเทศมากขึ้น เงินเข้าประเทศน้อยลง => Supply ก็จะมากขึ้น ส่วน Demand ลดลง => ทำให้ค่าเงิน ในประเทศอ่อน
- --รายได้ต่อหัวของ US, EU, AU, ==??
- --การจ้างงานในแง่นโยบายเป็นเช่นไร
- มุมมองในการลงทุน : ถ้าการลงทุนในต่างประเทศดูน่าสนใจกว่าในประเทศ เงินไหลออกต่างประเทศมากขึ้น เงินเข้าประเทศน้อยลง => Supply ก็จะมากขึ้น ส่วน Demand ลดลง => ทำให้ค่าเงินในประเทศอ่อน
- --มุมมองของการลงทุนน่าลงทุนใน US, EU, AU, ==?? หรือยัง
- การคาดการและเก็งกำไร : ถ้ามีการคาดการณ์ว่าเงินในประเทศจะอ่อนค่าลงในอนาคต คนที่คาดการณ์เหล่านั้นก็จะขายเงินสกุลนั้นออกมาทันทีเลยก่อนที่จะอ่อนลงจริงๆ ทำให้ Supply มากขึ้น => ทำให้ค่าเงิน ในประเทศอ่อนในที่สุด
- --การคาดการและเก็งกำไร US, EU, AU, ==??
ขอขอบคุณบทความจาก
http://www.siraekabut.com/2010/03/macroeconomics-summary-part1/

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น